ที่มาของคำว่า Dobro
พวกเราหลาย ๆ คนคงจะเคยเห็นกีตาร์หน้าตาแปลก ๆ ที่ลำตัวคล้าย ๆ ทำด้วยโลหะ โพรงเสียง เป็นลักษณะจานกลม ๆ กันมาบ้างแล้วนะครับ และหลายคนก็จะรู้จักชื่อกีตาร์แบบนี้ว่า dobro แต่ใครจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วกีตาร์แบบนี้ไม่ใช่ชื่อ dobro กีตาร์แบบนี้มีชื่อเรียกจริง ๆ ว่า resonator หรือ resophonic guitar ซึ่งได้มีการเริ่มประดิษฐ์ ตั้งแต่ประมาณกลาง ๆ ยุค 1920
กีตาร์ประเภทนี้ปัจจุบันได้นิยมนำมาเล่นกันในเพลง Country เพลงแนวบลูส์แกรส (Bluegrass) หรือนำมาเล่นกับ slide ในเพลงบลูส์ ซึ่งจะมีเสียงที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว กีตาร์แบบนี้จะมีทั้งที่ลำตัวทำด้วยไม้และแบบทำด้วยเหล็ก บางแบบคอจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม ซึ่งเวลาเล่นจะวางนอนเล่นลักษณะเดียวกับ steel guitar และแบบที่คอโค้งมนก็จะเล่นลักษณะเดียวกับกีตาร์ทั่วไปซึ่งอาจจะเล่นด้วย slide หรือไม่ก็ได้
ลักษณะของ Dobro หรือ Resophonic Guitar
ส่วนประกอบของกีตาร์แบบนี้ก็จะเหมือนกับกีตาร์ทั่ว ๆ ไปแต่จะต่างกันในเรื่องของโครงสร้างเท่านั้น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ก็คือ
1. แบ่งตาม กรวยรับเสียง จะแบ่งได้เป็น
- Single-Cone ซึ่งจะมีกรวยรับเสียง (resonator) เพียงตัวเดียว และ
- Tri-Cone ซึ่งจะมีกรวยรับเสียง (resonator) 3 ตัว เชื่อมต่อกันด้วยเหล็กรูปตัว T
2. แบ่งตามคอกีตาร์และวิธีการเล่น จะแบ่งได้เป็น
- Square Neck คือ จะมีคอเป็นเหลี่ยม ซึ่งการเล่นจะใช้วิธีวางนอนนเล่นในลักษณะของกีตาร์ Pedal Steel (แบบนี้ละเรียกว่า Lap Steel)
- Round Neck (บางที่เรียกแบบ Spanish) ก็คือคอกีตาร์โค้ง ๆ แบบกีตาร์ทั่ว ๆ ไป ซึ่งก็จะเล่นเหมือนเราเล่นกีตาร์ทั่วไป
การทำงานของกีตาร์แบบนี้จะอาศัยกรวย ที่ทำจากอลูมิเนียมบาง ๆ เป็นตัวสร้างเสียง ซึ่งเรียกว่าตัว Resonator ลักษณะเดียวกับกรวยในลำโพงของเครื่องเสียงนั่นเอง โดยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10-12 นิ้ว หนาเพียง 0.012 นิ้ว หนักประมาณ 1.5 ออนซ์ โดยที่เจ้ากรวยตัวนี้จะแขวนอยู่บนแหวนที่ทำจากไม้ (ทั่วไปจะเป็นไม้เมเปิ้ล) ซึ่งจะเรียกว่า sound well แล้วยึดไว้ด้านในของตัวกีตาร์ บนตัวกรวยจะยึดด้วยชิ้นอลูมิเนียม 8 ขา ที่เรียกว่า Spider และมีสลักเชื่อมระหว่างจุดศูย์กลางของ Resonator และ Spider ส่วนแบบ Tri-cone ก็เพียงแต่นำ Resonator 3 ตัวมาเชื่อมต่อกันด้วยเหล็กรูปตัว T ครับ
เนื่องจากในสมัยก่อนที่ยังไม่มีกีตาร์ไฟฟ้า หรือแอมปลิไฟเออร์ นักกีตาร์ (ส่วนมากจะเป็นนักกีตาร์บลูส์ยุคแรก ๆ ช่วงยุคทศวรรษที่ 20 ) ก็พยายามที่จะหาวิธีที่จะทำให้เสียงกีตาร์เขาเล่นออกมาได้ดังที่สุด จึงได้มีการหาวิธีพัฒนากีตาร์เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว
Dobro นี้ได้ถูกคิดค้นพัฒนาโดย 5 พี่น้อง Dopyera (หรือ Dopera ในภาษาอเมริกัน) ชาวเชคโกสโลวาเกีย ซึ่งอพยพมายังอเมริกาในช่วงปี 1908 ได้แก่ John, Robert, Rudolph, Loius และ Emil Dopera โดยที่ Rudy (Rudolph) และ Ed (Emil) เป็นผู้ที่มีความสำคัญในการผลิตจริง ๆ และคำตอบของบทความนี้ว่า Dobro มาจากไหน ก็คือ Dopera Brother นั่นเองครับ แต่ไหน ๆ แล้วเรามารู้จัก dobro ให้มากกว่านี้นะครับ เผื่อใครจะสนใจอยากเป็นเจ้าของเจ้ากีตาร์แบบนี้ขึ้นมาบ้าง
สำหรับ dobro ในยุคแรก ๆ ที่เป็นที่รู้จักก็คือ bluegrass dobro (body เป็นไม้ แบบ single resonator) ซึ่งได้มีการประดิษฐ์และออกแนะนำในปี 1928 และได้ผลิตออกขายในปีต่อมาและได้ขอจดลิขสิทธิ์โดย Rudy Dopyera เมื่อ 29 มิถุนายน 1929 และ 1 กุมภาพันธ์ 1932 และได้รับการรับรองในปี 1932 และ1933 ตามลำดับ
แต่เมื่อย้อนกลับไปดูอดีตกว่านี้กลับพบว่า resonator guitar ตัวแรกกลับไม่ใช่แบบ single-cone ที่ body เป็นไม้แบบ bluegrass dobro แต่กลับเป็น tri-cone national guitar ซึ่งตัว body เป็นโลหะ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า blues dobro ซึ่งใช้เล่นในแบบสไลด์ สำหรับบริษัท National Company(ไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้านะครับ) ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1925 ที่ Los Angeles โดย John Dopyera , George Beauchamp และคนอื่น ๆ อีกเช่น Adolph Rickenbacker และ Paul Barth จนกระทั่งต่อมาในปี 1928 John ได้ออกจาก National และได้ตั้งบริษัทชื่อ Dobro Company ขึ้นมาและได้เริม่มาผลิตแบบ single-cone ซึ่งก็ถือเป็นกำเนิดอย่างเป็นทางการของ blusgrass dobro ในรุ่น Houndoggie
ในขณะนั้นทาง Louis Dopyera ก็ได้ขึ้นเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของ National Company และ George ก็ได้ออกไป ต่อมาในปี 1932 บริษัททั้ง National และ Dobro ได้รวมกิจการเข้าด้วยกันภายใต้ชื่อ National Dobro Coorperation ในช่วงดังกล่าวกีตาร์ resonator ได้ผลิตออกมาในชื่อของทั้ง National และ Dobro และได้ย้ายที่ตั้งจาก California ไปยัง Chicago ในปี 1936
ต่อมาในช่วง 1941 อเมริกาได้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้การผลิตต้องหยุดไปเนื่องจากมีความต้องการอลูมิเนียมไปใช้ในสงคราม จนกระทั่งในปี 1942 บริษัท National Dobro Coorperation ก็ต้องล้มเลิกไป Louis Dopyera , Victor Smith และ Al Frost ได้ร่วมกันตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาคือ Valco ซึ่งได้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจบสงครามมีการผลิตกีตาร์ resonator อีกไม่มากนักจากวัสดุที่ยังคงเหลืออยู่ และเป็นช่วงที่กีตาร์ไฟฟ้าเริ่มเข้ามามีบทบาททาง Valco เลยไปให้ความสำคัญมากกว่า และได้ดำเนินกิจการมาจนช่วงปี 1960
ในปี 1959 Emil Dopyera ได้เริ่มผลิต กีตาร์ rasonator ใหม่อีกครั้งภายใต้ชื่อ Dobro ซึ่ง Dobro ในช่วงนี้มีรูปร่างแตกต่างออกไปเล็กน้อย ช่วงประมาณปี 1966-1967 บริษัทก็ได้ถูกขายให้กับ Semie Mosely จึงได้มีการผลิต resonator guitar ภายใต้ชื่อ Mosrite Dobro แต่ก็ผลิตได้ไม่นานนักจนกระทั่งในปี 1969 Emil และ Rudy Dopyera ก็ได้กลับมาร่วมกันผลิต dobro อีกครั้งภายใต้ชื่อ "Hound Dog" และ "Dopyera Original" เนื่องจากชื่อ Dobro ยังเป็นลิชสิทธิ์ของ Mosrite ในปี 1970 เขาก็สามารถกลับมาใช้ชื่อ Dobro ได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นยุคที่ดนตรีโฟล์คกำลังเป็นที่นิยมทำให้บริษัทประสบความสำเร็จมาก และได้มีการผลิตจนกระทั่งปัจจุบัน อย่างไรก็ตามในราวปี 1987 Gibson Guitar Coorperation ได้ชื่อบริษัท Dobro เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Gibson
ปัจจุบัน 2 บริษัทใหญ่ที่ยังคงผลิตกีตาร์ Resonator ออกสู่ตลาดก็คือ National และ Dobro (ภายใต้ Gibson) ครับ นอกจากมีกีตาร์ 6 สายธรรมดา ยังมี bass resonator และกีตาร์ 12 สาย อีกด้วยครับ สนใจข้อมูลมากกว่านี้เพื่อน ๆ สามารถแวะไปเยี่ยมชมโฮมเพจเขาได้ครับที่ http://www.nationalguitars.com/ และที่ http://www.gibson.com/products/oai/dobro/index.html
คราวนี้เพื่อน ๆ คงได้รู้จักกับกีตาร์แบบนี้มากขึ้นนะครับ แต่ใครอยากหามาเป็นเจ้าของคงต้องคิดหนักนะครับในบ้านเรานอกจากจะหายากแล้ว ราคาเจ้ากีตาร์แบบนี้ไม่ธรรมดาครับเก็บเงินกันนานเลยกว่าจะจับได้ คราวหน้าผมก็จะสรรหาสาระความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับกีตาร์มาเล่าสู่กันฟังอีกครับ